top of page
  • รูปภาพนักเขียนHock Tiger

ดอกยางรถยนต์เลือกยังไง ? ให้เหมาะสมกับลักษณะการขับขี่ของเรา


ดอกยางรถยนต์เลือกยังไง ? ให้เหมาะสมกับลัการะการขับขี่ของเรา

และแล้ววันหยุดยาวแห่งการเดินทางมาถึงอีกครั้ง เป็นช่วงที่ต้องเดินทางต้องเดินทางขับขี่กันอย่างยาวนานและค่อนข้างไกล ก็เตรียมตรวจสภาพรถยนต์มาแล้วพร้อมออกเดินทาง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราอยากแนะนำเพื่อปรับการขับขี่ให้เหมาะสมและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นคือเรื่องของยางรถยนต์นั่นเองค่ะ


หลาย ๆ คนที่พึ่งขับรถยนต์ครั้งแรกหรือพึ่งออกรถยนต์คันแรกอาจจะรู้สึกว่ายางรถยนต์นั้นมีความหลากหลายมาก ๆ แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างกันขนาดนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว นอกจากขนาดยางรถยนต์ การดูแลรักษายางรถยนต์ ดอกยางรถยนต์เองก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อการขับขี่ ให้ประสิทธิภาพของการเคลื่อนที่แตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่และลักษณะของดอกยางรถยนต์ที่ใช้ ลองมาดูกันว่าลักษณะดอกยางแบบไหนเหมาะกับการขับขี่และปลอดภัยที่สุด



ความแตกต่างของทิศทางดอกยาง

ดอกยางทิศทางเดียว (Directional)


ดอกยางจะมีลักษณะไปในทิศทางเดียวกัน โดยที่แก้มยางจะมีสัญลักษณ์ลูกศรแสดงไว้ สำหรับแสดงทิศทางการหมุนเพื่อให้สามารถใส่ยางได้อย่างถูกต้อง ไม่สามารถใส่สลับซ้ายขวาของรถยนต์เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้ (หลายคนที่นิยมเก็บยางเก่าไว้เป็นยางอะไหล่ต้องคำนึงถึงประเด็นนี้ด้วย) ดอกยางในลักษณะนี้จะมีจุดเด่นคือสามารถรีดน้ำได้ดีกว่าดอกยางแบบสองทิศทาง


ดอกยางทิศทางเดียว (Directional)

ดอกยาง 2 ทิศทาง (Non Directional)


เป็นลักษณะของลายดอกยางที่จะสามารถสลับยางได้ในทุกตำแหน่งล้อของรถยนต์ โดยลักษณะดอกยางแบบนี้ทั้ง 2 ด้าน จะสวนทิศทางกัน เป็นยางที่เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปไม่เน้นความเร็วสูง วิธีการใส่ยาง แบบ “ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง”สามารถใส่ได้ทุกทิศทาง และเวลาสลับยางก็สามารถสลับได้ทุกตำแหน่ง


มีคุณสมบัติในการรีดน้ำน้อยกว่า เหมาะกับการเดินทางที่ไม่ใช้ความเร็วสูง ขับขี่ในเมือง หากต้องเดินทางในพื้นที่ชื้นแฉะหรือฤดูฝนต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น


ดอกยาง 2 ทิศทาง (Non Directional)

ดอกยางแบบสมมาตร (Symmetric)


เป็นลักษณะของดอกยางที่มักพบเห็นในยางส่วนใหญ่ทั่วไป คือมีลักษณะดอกยางและร่องยางที่ต่อเนื่องทั่วพื้นที่หน้ายาง โดยหากแบ่งพื้นที่บนหน้ายางเป็นสองส่วนลวดลายในแต่ละส่วนจะเหมือนกันทุกประการ


ดอกยางแบบสมมาตร (Symmetric)

ดอกยางแบบไม่สมมาตร (Asymmetric)


จะมีลายที่แตกต่างกันบนหน้ายาง ลายดอกยางทั้งสองฝั่งจะหนาไม่เท่ากัน ซึ่งลายดอกยางด้านในนั้นจะออกแบบมาเน้นการขับขี่ที่ความเร็วสูง ส่วนดอกยางด้านนอกนั้นเน้นการขับขี่ในการเข้าโค้ง ทางคดเคี้ยวมากๆที่ความเร็วสูง


ดอกยางแบบไม่สมมาตร (Asymmetric)


 


ลักษณะดอกยางที่ใช้งานทั่วไป

ดอกยางละเอียด (Rib Pattern)


ลักษณะของดอกยางประเภทนี้คือเป็นแนวยาวบนหน้ายางตามวงรอบของยาง ซึ่งจากลักษณะของดอกยางทำให้มีการสูญเสียหน้าสัมผัสจากร่องยางกับพื้นถนนไม่มาก รวมทั้งยังสามารถรีดน้ำได้รวดเร็ว และมีเสียงรบกวนน้อย เหมาะกับรถที่ขับบนทางเรียบ


ดอกยางละเอียด (Rib Pattern)

ดอกยางบั้ง (Lug Pattern)


มีลักษณะบั้งเป็นแนวขวางบนหน้ายางหรือขวางเส้นรอบวงของยาง การที่ดอกยางถูกออกแบบในลักษณะนี้ก็เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการตะกุย เหมาะสำหรับการใช้งานในถนนที่ขรุขระ แต่ก็สามารถใช้งานบนถนนทั่วไปที่ความเร็วต่ำได้ นอกจากนี้ดอกยางแบบบั้งยังมักมีร่องยางที่ลึกเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่นาน


ดอกยางบั้ง (Lug Pattern)


ดอกยางแบบผสม (Rib Lug Pattern)


ดอกยางที่ผสานลักษณะของดอกยางแบบละเอียดและแบบบั้งไว้ด้วยกัน เพื่อให้มีจุดเด่นของดอกยางทั้งสองชนิด โดยทั่วไปแล้วดอกยางแบบผสม มักจะมีดอกยางแบบละเอียดอยู่บริเวณพื้นที่ตรงกลางของหน้ายาง โดยมีดอกยางแบบบั้งขนาบที่ขอบหน้ายางทั้ง สองด้าน ด้วยการผสานทั้งดอกยางแบบละเอียดและแบบบั้งไว้ด้วยกัน จึงทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานทั้งบนทางเรียบและทางขรุขระสลับกัน


แต่ไม่ควรใช้ขับขี่บนพื้นผิวถนนที่เป็นดินโคลน โดยเฉพาะในฤดูฝนหรือสภาวะอากาศที่มีฝนตกบ่อย เพราะดอกยางแบบนี้จะขาดคุณสมบัติในการสลัดดินออก ทำให้เสี่ยงต่อการลื่นไถลหรือติดหล่มโคลนง่าย


ดอกยางแบบผสม (Rib Lug Pattern)

ดอกยางบล็อค (Block Pattern)


ดอกยางแบบบล็อกจะมีลักษณะของดอกยางเป็นก้อนหรือจุดซึ่งมีทั้งที่เป็นบล็อกเหลี่ยมหรือกลม ดอกยางในลักษณะนี้จะมีประสิทธิภาพในการตะกุยสูง จึงทำให้เหมาะสำหรับรถที่ใช้งานแบบลุยหนักหรือใช้บนเส้นทางที่มีความโหดอย่างรถออฟโรด


หากนำรถยนต์ที่มีดอกยางใหญ่นี้มาขับขี่บนถนนทางหลวงทั่วไป จะทำให้การยึดเกาะน้อย ทั้งยังสร้างเสียงดังรบกวนการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อวิ่งรถด้วยความเร็วสูง


ดอกยางบล็อค (Block Pattern)


 


ลักษณะดอกยางที่ไม่แนะนำให้มาใช้งานปกติ

ดอกยางเนื้ออ่อน (Soft Compound)


ยางที่เรียกกันว่า กึ่งสลิค คือมีหน้าตาเหมือนกับยางรถยนต์ปกติ แต่มีความนุ่มของเนื้อยางหรือวัสดุที่ใช้มากกว่าธรรมดามีดอกยางลวดลายแปลก ๆ แต่ไม่ซับซ้อน อาทิ ลายหนอน ลายหัวธนู เป็นต้น เพื่อให้มีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเพิ่มมากขึ้น แต่ประสิทธิภาพในการรีดน้ำก็จะสู้ยางทั่วไปไม่ได้ อาจทำให้รถเสียหลักบนถนนเปียกได้ง่ายกว่าปกติ


Soft Compound Slick

ไม่มีดอกยาง (Slick)


เป็นยางที่พัฒนาขึ้นสำหรับใช้งานบนสนามแข่งโดยเฉพาะ ซึ่งยางประเภทนี้จะมีหน้ายางที่เรียบสนิท ไร้ร่องดอกยางสำหรับรีดน้ำ เพื่อให้หน้ายางสามารถสัมผัสกับพื้นสนามได้อย่างเต็มที่ ด้วยยางสลิคถูกออกแบบให้ปราศจากดอกยาง การนำมาใช้บนนถนนจึงถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง เพราะหากเจอฝนหรือแอ่งน้ำแค่เพียงนิดเดียว ก็จะทำให้รถเสียการยึดเกาะถนนจนเป็นอันตรายได้


ยางสลิค


อ้างอิงข้อมูล

ใส่ยางอย่างไรให้ถูกต้อง ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

เปลี่ยนยางใหม่…จะเลือกดอกยางรถยนต์อย่างไรดี

ดอกยางรถยนต์ แบบไหนเหมาะสำหรับขับลุยฝนตก

ลายดอกยางรถยนต์มีกี่แบบ มีลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร

ดอกยางมีกี่แบบ อะไรบ้าง

ยาง เลือกดอกยาง ตามสไตล์การขับรถ

“ยาง Slick” คืออะไร? ทำไมจึงห้ามนำมาใช้บนถนนโดยเด็ดขาด

ยาง SLICK คืออะไร ใช้งานอย่างไรกันแน่ มาหาคำตอบกัน

ดู 10 ครั้ง
bottom of page